การจัดการเรียนรู้
แนวการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งสร้างสติปัญญา
และพัฒนาทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ
การคิดสร้างสรรค์และการคิดอย่างมีวิจารณญาณมีความคิดในระดับสูง และคิดแบบองค์รวม สามารถคิดสร้างสรรค์ตนเอง สังคม
ประเทศชาติ และโลก
นอกจากนั้นยังมุ่งพัฒนาการทางอารมณ์ให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของตนเอง เข้าใจตนเอง
เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งในอารมณ์อย่างถูกต้องเหมาะสม การจัดการศึกษายึดหลักว่า
ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า
ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
กระบวนการจัดการเรียนการสอนจะต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ ใช้การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
แนวการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
เป็นแนวความคิดที่มุ่งให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง
เรียนรู้จากการปฏิบัติด้วยวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย
ผู้สอนจะต้องวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนใช้แหล่งเรียนรู้และสื่อการเรียนรู้ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนรู้วิธีการเรียนให้ประสบผลสำเร็จ วิธีการแสวงหาความรู้ วิธีการคิดวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร สามารถใช้ทักษะทางภาษาเพื่อการอภิปราย การรายงาน
การแสวงหาความรู้
สามารถจดบันทึกความรู้
จัดหมวดหมู่ความรู้และเชื่อมโยงความรู้ใหม่และข้อมูลข่าวสารได้อย่างเป็นระบบ
ผู้เรียนจะสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
ส่วนตัวผู้สอนปรับบทบาทจากการให้ความรู้โดยการบอก การบรรยาย
เป็นการวางแผนจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนลงมือทำกิจกรรม ให้วิธีการเรียนรู้ ให้หลักการของศาสตร์ที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติและสรุปความรู้ ประเมินผลตนเอง ปรับปรุงตนเองให้พัฒนาก้าวหน้า บทบาทของครูเป็นการวางตนให้ศิษย์ไว้วางใจ น่าเคารพ
และผู้ทรงความรู้
เป็นที่ปรึกษาแก่ศิษย์
รับรู้ความรู้สึกของศิษย์
วางตนเป็นแบบอย่างที่ดีเป็นตัวแบบในการประพฤติปฏิบัติ
การจัดการเรียนรู้ควรคำนึงถึงความสำคัญในเรื่องต่อไปนี้
1. การเรียนรู้อย่างมีความสุข
เป็นการจัดการเรียนการสอนในบรรยากาศที่เป็นอิสระ แต่มีระเบียบวินัยในตนเอง ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล ผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้อย่างหลากหลาย ส่งเสริมให้ผู้เรียน ประสบผลสำเร็จในการเรียน
เกิดความภาคภูมิใจในผลงานอันเกิดจากผลสำเร็จในการเรียนรู้ของตน และผู้เรียนได้พัฒนาตนเองเต็มศักยภาพ แนวทางในการจัดการเรียนการสอน คือ
บทเรียนที่มีความหมายและเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน กิจกรรมเรียนรู้หลากหลาย ผู้เรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง
มีสื่อการเรียนรู้เหมาะกับความสามารถและน่าสนใจ
การประเมินผลมุ่งเน้นศักยภาพของผู้เรียนเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม ผู้สอนกับผู้เรียน
และผู้เรียนกับผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
2. การเรียนรู้แบบองค์รวม เป็นการเรียนรู้จากการบูรณาการสาระการเรียนรู้และกระบวนการเรียนรู้เข้าด้วยกัน สาระการเรียนรู้จะเรียนจากเรื่องใกล้ตัว ที่อยู่อาศัย
ท้องถิ่นของตน สังคม ประเทศชาติ
สิ่งแวดล้อม
เรื่องของสังคมโลก
การเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มที่เกิดขึ้นในสังคมโลก
การเรียนรู้แบบองค์รวมเป็นการบูรณาการความรู้ความเข้าใจเรื่องที่เรียนให้ลึกซึ้งครอบคลุมปัญหา
และมีความหมายต่อการนำไปใช้ในการดำรงชีวิตและการแก้ปัญหาของสังคม
3.
การเรียนรู้จะต้องปรับวัฒนธรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนต้องมีลีลาการเรียนรู้ (Learning Styles) ของตน
มีอิสระในการเรียนรู้อย่างมีความรับผิดชอบสูง มีวินัยในตนเอง
หากการเรียนโดยผู้เรียนเป็นสำคัญผู้เรียนขาดระเบียบวินัย ขาดความเข้มแข็งด้านจริยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ขาดความอดทน
และความมุ่งมั่นต่อความสำเร็จ
และขาดวินัยในการปฏิบัติงาน
การเรียนการสอนย่อมล้มเหลว
ดังนั้นครูจำต้องปลูกฝังและสร้างวินัยในตนเองควบคู่ไปกับวิธีการเรียนรู้
4. การเรียนรู้จากการคิดและการปฏิบัติจริง
เป็นการเรียนรู้โดยการประมวลข้อมูลความรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ มาวิเคราะห์ให้เป็นความรู้ใหม่ วิธีการใหม่
เพื่อนำความรู้และวิธีการไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ
อย่างเหมาะสมสอดคล้องกัน
ผู้เรียนจะแสวงหาข้อมูลจากการอ่าน
การสัมภาษณ์
การดูสื่อทางอิเล็กทรอนิกส์
การฟัง
แล้วจดบันทึกข้อมูลนำมาวิเคราะห์
คิดอย่างรอบคอบและนำความรู้ไปปฏิบัติจริง
เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
จากแหล่งเรียนรู้ สื่อ เหตุการณ์และสิ่งแวดล้อมรอบตัว นำมาสรุปผลสร้างความรู้ด้วยตนเอง
5. การเรียนรู้ร่วมกับบุคคลอื่น
เป็นการเรียนรู้ที่มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้
ความคิดและประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
ด้วยการนำข้อมูลมาศึกษาทำความเข้าใจร่วมกัน คิดวิเคราะห์
ตีความ แปลความ สังเคราะห์
ข้อมูลและประสบการณ์สรุปเป็นข้อความรู้
ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย
มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
เป็นการปลูกฝังคุณธรรมการอยู่ร่วมกันและการทำงานร่วมกันทำให้พัฒนา ทั้งทักษะทางสังคม และทักษะการทำงานที่ดี
6. การเรียนรู้โดยมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนและมีส่วนร่วมในผลงาน
เป็นการให้ผู้เรียนร่วมกันวางแผนการเรียนรู้ และปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน เช่น
การจัดนิทรรศการ
การเขียนความรู้เป็นบทความ
หรือจัดทำสมุดวิเคราะห์ความรู้
จัดทำแผนภูมิ
การรายงานหน้าชั้น การจัดอภิปรายความรู้ การแสดงบทบาทสมมติ และการแสดงละคร ฯลฯ
ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้
ทักษะกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม
มีความเป็นประชาธิปไตย
รู้จักบทบาท หน้าที่ แบ่งความรับผิดชอบ ปรึกษาหารือ
ติดตามผล ประเมินผลงาน และบูรณาการความรู้จากหลายวิชา
7. การเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้
เป็นการเรียนรู้ลีลาการเรียนรู้และความถนัดในการเรียนของตนเอง
ผู้เรียนจะรู้กระบวนการเรียนรู้จากการที่ผู้สอนเปิดโอกาสและจัดสถานการณ์ให้ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม เกิดการศึกษาวิเคราะห์และสรุปผลการเรียนรู้ เพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ต่อไป
8. การเรียนรู้เพื่อนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพ
เป็น
การนำความรู้ที่ได้จากการเรียน เช่น
ทักษะการสื่อสาร
ทักษะการแสวงหาความรู้
ทักษะการปฏิบัติงาน
ทักษะการวิเคราะห์ ทักษะการสังเคราะห์ ทักษะการจัดการ ทักษะการดำเนินชีวิต
และการมีมนุษยสัมพันธ์มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพ
กระบวนการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ภาษาไทย ผู้สอนจะต้องศึกษา
วิเคราะห์ จุดหมายของหลักสูตร และมาตรฐานการเรียนรู้ภาษาไทย
รวมทั้งเอกสารประกอบหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในส่วนบทบาทของผู้สอนจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากผู้บอกความรู้แก่ผู้เรียนเป็นผู้สนับสนุน
เสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีความหมายแก่ผู้เรียน โดยดำเนินการดังนี้
1.
เลือกรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ผู้สอนสามารถคิดค้นรูปแบบการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ที่หลากหลาย และเหมาะสมกับผู้เรียน
เช่น กิจกรรมการเรียนรู้แบบทดลองแบบโครงงาน แบบศูนย์การเรียน แบบสืบสวนสอบสวน
แบบอภิปราย แบบสำรวจ แบบร่วมมือ เป็นต้น
2. คิดค้นเทคนิคกลวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้สอนสามารถคิดค้นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบอื่น ๆ
และนำมาใช้ให้เหมาะสมกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความรู้ ความสามารถด้านเนื้อหา
ความสนใจและวัยของผู้เรียน ความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้แต่ละช่วงชั้น เวลา
สถานที่ วัสดุอุปกรณ์ และสภาพแวดล้อมของโรงเรียนและชุมชน
3. จัดกระบวนการเรียนรู้
การจัดกระบวนการเรียนรู้มีหลายรูปแบบ ผู้สอนสามารถเลือกนำมาใช้ในการเรียนรู้แบบอื่น ๆ
และนำมาใช้ให้เหมาะสมกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความรู้ ความสามารถด้านเนื้อหา
ความสนใจและวัยของผู้เรียน ความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้แต่ละช่วงชั้น เวลา
สถานที่ วัสดุอุปกรณ์ และสภาพแวดล้อมของโรงเรียนและชุมชน
3.1
การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน เป็นการจัดประสบการณ์ตรงให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติ
เหมือนกับการทำงานในชีวิตจริง
ให้รู้วิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเองอย่างเป็นระบบ รู้จักวิธีการวางแผน คิดวิเคราะห์
ประเมินผลการปฏิบัติงานได้ด้วยตนเอง และฝึกการเป็นผู้นำ และผู้ตามลักษณะของโครงงาน
เป็นเรื่องของการศึกษา ค้นคว้าทดลอง ตรวจสอบ สมมติฐาน โดยอาศัยการศึกษา
วิเคราะห์ ใช้ทักษะกระบวนการ
3.2
การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ เป็นวิธีการหรือพฤติกรรมที่จะช่วยให้การดำเนินงานเป็นกลุ่มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
คือ ได้ผลงาน ความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ร่วมงาน
ลักษณะของการสอนแบบนี้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
เป็นโอกาสให้ผู้เรียนมีโอกาสเข้าร่วมในกิจกรรมการเรียนอย่างทั่วถึง
ยึดกลุ่มเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญ
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
ช่วยให้เกิดการเรียนรู้พฤติกรรมของตนเองและผู้อื่น
ผู้เรียนค้นหาคำตอบได้ด้วยตนเองจนสามารถนำความรู้
ความเข้าใจจากการปฏิบัติงานไปใช้ในชีวิตประจำวันและอยู่ในสังคมได้อย่างสันติสุข
3.3การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความรู้ ความคิด มีวิธีการหลากหลายวิธีการหนึ่งคือ การใช้คำถาม
การตั้งคำถามเน้นกระบวนการคิด โดยใช้หมวกความคิด 6 ใบ
เป็นการใช้คำถามอย่างสร้างสรรค์ กิจกรรมที่พัฒนาทักษะความคิดในการเรียนรู้ภาษาไทย
ผู้สอนจะต้องใช้คำพูดและวิธีการต่าง ๆ กระตุ้นให้นักเรียนคิดลงมือปฏิบัติ ประเมิน
ปรับปรุง แก้ไข พัฒนางานของตน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เช่น
กิจกรรมการอภิปราย แก้ไข พัฒนางานของตน
มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เช่น กิจกรรมการอภิปราย การวิเคราะห์
การวิจารณ์ การค้นคว้า การทำโครงงาน ฯลฯ
นอกจากนี้ผู้สอนยังต้องสอดแทรกคุณธรรมในกระบวนการคิดควบคู่ไปด้วย เช่น
ความรับผิดชอบ ความอดทน ความเพียรพยายาม นอกจากนี้ควรจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนใช้ความคิดอย่างมีวิจารณญาณในการแก้ปัญหา
การตัดสินใจ การวางแผน ดำเนินชีวิตในอนาคต
เพื่อให้อยู่ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีความสุข
3.4การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร
ครู
ผู้บริหาร ผู้ปกครอง
ตลอดจนชุมชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร โดยการจัดกิจกรรมร่วมกัน
เพื่อให้ผู้เรียนมีสมรรถภาพในการใช้ภาษาทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน
ด้วยการจัดกิจกรรมในห้องเรียน ในโรงเรียน และในชุมชน เช่น การเล่าเรื่อง
การอภิปราย การวิจารณ์ การโต้วาที การคัดลายมือ การเขียนเรียงความ การทำโครงงาน
การประกวดการอ่าน การศึกษาค้นคว้า การแข่งขันตอบคำถาม การอ่านทำนองเสนาะ
3.5
การพัฒนาการเรียนรู้หลักการใช้ภาษา จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจธรรมชาติของภาษและ
วัฒนธรรมไทย
เกิดความตระหนักว่าภาษามีความสำคัญและมีพลัง กิจกรรมการพัฒนาการเรียนรู้
หลักการทางภาษา จำเป็นต้องจัดควบคู่และสัมพันธ์กับกิจกรรมพัฒนาทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารทุกกิจกรรม
หลักการทางภาษา จำเป็นต้องจัดควบคู่และสัมพันธ์กับกิจกรรมพัฒนาทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารทุกกิจกรรม
3.5การพัฒนาการเรียนรู้วรรณคดีและวรรณกรรม
เป็นการเรียนรู้เรื่องราวที่สะท้อน
ให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนไทยเพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิต
โดยปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน
การจัดกิจกรรมจึงควรเน้นให้ผู้เรียนใช้ทักษะภาษาเพื่อเรียนรู้เนื้อหาสาระด้วยการอ่านพิจารณา
วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่าวรรณกรรมและวรรณคดีอย่างมีเหตุผล
มีการนำเสนอความเข้าใจ ความซาบซึ้ง ข้อคิดและประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
การรายงาน การจัดแสดง การสร้าสรรค์วรรณกรรมทั้งร้อยแก้ว และร้อยกรอง ฯลฯ
ทั้งนี้จะเกิดผลทำให้ผู้เรียนมีนิสัยรักการอ่านและการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
เป็นแนวทางในการผลิตผลงานเพื่อพัฒนาตนเองและสังคม
3.6การพัฒนาการเรียนรู้ภูมิปัญญาทางภาษา
ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจวิถีชีวิตและศิลปะ
การใช้ภาษาของคนในท้องถิ่น
การจัดกิจกรรมจำเป็นต้องให้ผู้เรียนใช้ทักษะภาษาเพื่อการเรียนรู้ เช่น การสัมภาษณ์
การรายงาน การทำโครงงาน การจัดการแสดง
เป็นต้น โรงเรียนและชุมชนจะต้องร่วมกันจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น เพื่ออนุรักษ์ และพัฒนาภูมิปัญญาทางภาษา วิธีการที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ผู้สอนสามารถนำมาใช้ได้อย่างกว้างขวาง
โดยใช้เทคนิควิธีการอย่างหลากหลายที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือ
ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนและเรียนอย่างมีความสุข
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อมของผู้เรียนและธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ที่เรียน
เพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น